วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557

หอยเชอรี่ หอยโข่งอเมริกาใต้ หรือ หอยเป๋าฮื้อน้ำจืด

หอยเชอรี่ หอยโข่งอเมริกาใต้ หรือ หอยเป๋าฮื้อน้ำจืด 
มีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกาใต้ สำหรับประเทศไทยมีผู้นำเข้ามาเลี้ยงไว้เป็นครั้งแรก เพื่อความสวยงามในตู้เลี้ยงปลา เนื่องจากเลี้ยงง่ายและขายพันธุ์ได้รวมเร็ว จึงมีผู้นำไปเลี้ยงเป็นฟาร์ม เพราะคาดว่าจะขายได้ราคาดี แต่ปรากฎว่าไม่มีผู้ซื้อ เพราะคนไม่นิยมบริโภคเป็นอาหาร จึงต้องเลิกเลี้ยง และปล่อยทิ้งลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ทำให้เกิดระบาดแพร่กระจายเข้าไปในนา ทำลายต้นขาวของเกษตรกร โดยเฉพาะในนาข้าวแถบชานเมืองของกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง เช่น สมุทรปราการ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี พิษณุโลก และอุดรธานี เนื่องจากหอยชนิดนี้สามารถเคลื่อนย้ายไปได้ไกล ๆ ด้วยการลอยไปตามน้ำไหล จึงระบาดแพร่ไปเกือบทั่วประเทศ ในขณะนี้มีการระบาดไม่น้อยกว่า 66 จังหวัดแล้ว

รูปร่างลักษณะและลักษณะการทำลาย

หอยเชอรี่เป็นหอยทากน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อเรียกอื่น ๆ ว่า หอยโข่งอเมริกาใต้ หรือเป๋าฮื้อน้ำจืด หอยชนิดนี้มีลักษณะคล้ายหอยโข่งบ้านเรา แต่เปลือกมีสีอ่อนกว่าคือ มีทั้งสีเขียวเข้มปนดำอย่างเดียว ในขณะที่บางตัวมีสีเหลืองปนน้ำตาล ส่วนเนื้อหอยมีตั้งแต่สีเหลืองอ่อนจนถึงสีเหลืองแก่ หรือสีน้ำตาลอ่อนจนถึงน้ำตาลเข้มเกือบดำ หอยตัวเต็มวัยอายุเพียง 3 เดือน มีความสูง 2.5 ซ.ม. สามารถผสมพันธุ์และวางไข่ได้ แม่หอยจะวางไข่ในที่แห้งเหนือระดับน้ำ ไข่มีสีชมพูเกาะติดกันเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 288 - 3,000 ฟอง แล้วแต่ขนาดตัวแม่ ถ้าตัวแม่มีขนาดใหญ่จำนวนไข่ก็มากขึ้นตามไปด้วย
แม่หอยสามารถวางไข่ได้ตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูฝนจะวางไข่ได้ถึง 10 - 14 ครั้งต่อเดือน ส่วนในฤดูร้อนจำนวนครั้งที่แม่หอยวางไข่จะน้อยลง ไข่หอยเชอรี่จะฟักเป็นตัวภายใน 7 - 12 วัน ลูกหอยตัวเล็ก ๆ จะกินสิ่งที่อ่อนนิ่ม เช่น สาหร่ายเป็นอาหาร และเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อมีขนาด 1.6 ซม. ก็เริ่มกัดกินต้นข้าวได้ หอยเชอรี่ชอบกินต้นข้าวอ่อน ๆ ตั้งแต่ระยะข้าวปักดำใหม่จนถึงแตกกอเต็มที่ โดยจะกัดกินลำต้นข้าวใต้ผิวน้ำในนาข้าวเหนือพื้นดิน 0.5 - 1 นิ้ว เมื่อต้นข้าวถูกกัดขาดก็จะกินส่วนใบที่ลอยน้ำต่อไปจนหมดต้น นอกจากนี้หอยเชอรี่ยังกินได้ทั้งซากพืชและซากสัตว์ ตลอดจนพืชน้ำสดชนิดอื่น เช่น ผักบุ้ง ผักกะเฉด บัว ผักตบชวา และกระจับ เป็นต้น โดยจะกินอย่างรวดเร็วและกินได้ตลอดเวลา คิดเป็นน้ำหนักอาหารที่กิน 50 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวต่อวัน

การจัดการหอยเชอรี่

การจัดการหอยเชอรี่ให้ประสบผลสำเร็จ จำเป็นต้องใช้วิธีการต่าง ๆ ร่วมกันการใช้สารเคมีเพียงอย่างเดียวจะทำให้การกำจัดไม่ได้ผล อีกทั้งยังต้องใช้สารเคมีในปริมาณมากขึ้น
ดังนั้นเกษตรกรควรคำนึงว่าการจัดการหอยเชอรี่ที่ดีที่สุดคือใช้วิธีผสมผสานโดยปฏิบัติดังนี้
  1. ใช้วัสดุกั้นทางที่ไขน้ำเข้านา หอยเชอรี่แพร่กระจายและระบาดเข้าสู่นาข้าว โดยทางน้ำเท่านั้น ดังนั้นทุกครั้งที่สูบน้ำเข้านาไม่ว่าจะเป็นนาดำหรือนาหว่านให้ใช้เฝือกกันสวะและหอยที่มีขนาดใหญ่ก่อน แล้วจึงกั้นตามอีกชั้นด้วยตาข่ายไนล่อนตาถี่ ต้องเก็บหอยและสวะออกจากตาข่ายเพื่อไม่ให้กีดขวางทางน้ำเข้าอย่างสม่ำเสมอ
     
  2. ทำลายตัวหอยและไข่ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งในเวลาเช้าหรือเย็น โดยใช้กระชอนที่มีด้านยาวช้อนตัวหอยและไข่ ซึ่งตัวหอยจะอยู่บริเวณที่ลุ่มหรือที่ร่มข้างคันนา ส่วนไข่มักจะติดอยู่ตามต้นข้าวและวัชพืช ทั้งนี้เพราะถ้าปล่อยทิ้งให้หอยอยู่ในนาข้าว หอยจะกัดกินต้นข้าวและวางไข่ แพร่ลูกหลานอีกจำนวนมาก
     
  3. การนำหอยเชอรี่มาทำประโยชน์ เช่น ทำอาหารบริโภคในครัวเรือน นำมาจำหน่ายหรือนำมาเป็นอาหารสัตว์ต่าง ๆ แต่ไม่ควรเก็บหอยเชอรี่จากบริเวณที่ใช้สารเคมีหรือแหล่งน้ำบริเวณอุตสาหกรรมมาใช้อย่างเด็ดขาด และการนำหอยเชอรี่มาทำปุ๋ยน้ำหมัก
     
  4. ใช้สารฆ่าหอย เพื่อกำจัดหอยที่ฝังตัวจำศีลค้างอยู่ในนาตั้งแต่ฤดูที่แล้ว การใช้สารฆ่าหอยจะต้องใช้ขณะที่น้ำในนาสูง 5 ซม. และต้องฉีดพ่นให้มากขึ้นในบริเวณที่ลุ่ม ซึ่งหอยมักจะรวมกันเป็นจำนวนมาก ดังนั้นในนาดำจึงต้องพ่นให้มากขึ้นในบริเวณที่ลุ่ม ซึ่งหอยมักจะรวมกันเป็นจำนวนมาก ดังนั้นในนาดำจึงต้องพ่นให้มากขึ้นในบริเวณที่ลุ่ม ส่วนในนาหว่านน้ำตมให้ใช้สารฆ่าหอยหลังจากหว่านข้าวและไขน้ำเข้านา 1 - 2 ซม. และระดับ น้ำสูงคงที่ 5 ซม. ข้อสำคัญในการใช้สารฆ่าหอยคือจะต้องใช้เพียงครั้งเดียวต่อฤดูปลูกข้าว ใช้ในวันที่ฝนไม่ตกและใช้เฉพาะที่กองกีฎและสัตววิทยา กรมวิชาการเกษตรแนะนำเท่านั้น
     
  5. ควบคุมระดับน้ำ ภายหลังใส่สารอย่างน้อย 2 วัน ต้องควบคุมให้ระดับน้ำสูงเฉลี่ย 5 ซม. ทั้งนี้เพื่อรักษาความเข้มข้นของสารฆ่าหอยที่ใส่ลงในนาข้าว ถ้าน้ำมากหรือน้อยเกินไปปริมาณสารที่หอยได้รับจะไม่เพียงพอที่จะทำให้หอยตาย หลังจากระยะนี้ผ่านไปแล้ว ถ้าหากเป็นไปได้ควรลดระดับน้ำในนาให้ต่ำที่สุด เพื่อป้องกันหอยที่เหลือกัดทำลายต้นข้าว
การป้องกันและกำจัดโดยวิธีผสมผสาน
เนื่องจากหอยเชอรี่ เป็นหอยที่เจริญเติบโตและขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว ระบาดแพร่กระจายโดยลอยไปตามน้ำไหล กินพืชน้ำได้เกือบทุกชนิด วิธีการป้องกันและกำจัดที่ให้ผลดีควรจะป้องกันและกำจัดโดยวิธีผสมผสาน ซึ่งเป็นการนำเอาวิธีการป้องกันหลาย ๆ วิธีมาดำเนินการ ในระยะเวลาที่เหมาะสมและตามความจำเป็นคือ

1. วิธีกล

  • เก็บกลุ่มไข่และตัวหอยมาบดทำลายหรือบดหอยเชอรี่ใช้เป็นอาหารสัตว์เลี้ยง เช่น ไก่ ปลา กะ ตะพาบน้ำ หรือเลี้ยงเป็ด ก่อนปลูกข้าวหรือหลังจากการเก็บเกี่ยวข้าวแล้วควรทำอย่างต่อเนื่องตลอดปี หากเกษตรกรจะนำเนื้อหอยมาประกอบเป็นอาหารบริโภคจะต้องต้มให้สุกก่อนเสมอ เพื่อฆ่าตัวพยาธิที่อาจติดมากับหอย และการจับหอยเชอรี่มาบดเพื่อทำปุ๋ยน้ำหมักใช้กับพืชต่าง ๆ
     
  • ใช้ตาข่ายไนล่อนชนิดตาถี่ ดักจับหอยเชอรี่ขณะสูบน้ำเข้านา
     
  • เมื่อเตรียมเทือกเพื่อหว่านเมื่อปักดำเสร็จแล้ว ควรทิ้งไว้ 2 - 3 วัน ให้มีน้ำขังอยู่ในระดับ 5 - 10 ซม. และหาที่กำบังร่ม ใช้ใบหญ้าอ่อนล่อให้หอยเชอรี่มากิน แล้วคอยเก็บหอยที่มากินหรือมาหลบแดด นำมาทำลายหรือทำประโยชน์ให้หมด
2. ชีววิธี
  • ใช้สัตว์ตัวน้ำ เช่น นกปากห่าง นกกระยาง นกอีลุ้ม เป็ด ฯลฯ กินหอยเชอรี่เป็นอาหารในฤดูปลูกข้าว ทั้งก่อนเพาะปลูกหรือหลังการเก็บเกี่ยวข้าว โดยอาจปล่อยฝูงเป็ดเข้าไปในนา เพื่อให้เป็ดกินหอยเชอรี่ที่หลงเหลือจากการกำจัดโดยวิธีกล
     
  • วิธีการอนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ เกษตรกรควรจะช่วยกันอนุรักษ์และปกป้องคุ้มครองนกปากห่าง รวมทั้งสัตว์อื่น ๆ ที่กินหอยเป็นอาหาร เพื่อช่วยกำจัดอีกทางหนึ่งด้วย
3. วิธีการใช้สารเคมี
ถ้าไม่จำเป็นเกษตรกรไม่ควรใช้สารเคมีกำจัดหอย เพราะเปลือกหอยที่ตายแล้วในนาจะบาดมือและเท้าเกษตรกรขณะทำนา เกษตรกรอาจได้รับเชื้อโรคผ่านทางบาดแผลได้ง่าย โดยเฉพาะโรคฉี่หนูหรือโรคเล็ปโตสไปโรซีส ซึ่งกำลังระบาดรุนแรงอยู่ในขณะนี้

รวบรวม
  • ศักดา ศรีนิเวศน์ ผู้จัดการการจัดการหอยเชอรี่
  • สำรวล ดอกไม้หอม หัวหน้ากลุ่มงานสัตว์ศัตรูพืช กองป้องกันและกำจัดศัตรูพืช
  • ชมพูนุท จรรยาเพศ นักสัตววิทยา 7 กลุ่มงานสัตววิทยาการเกษตร กองกีฎและสัตววิทยา กรมวิชาการเกษตร
  • อรุณพล พยัคฆพันธ์ ผู้ชำนาญการด้านสัตว์ศัตรูพืช สถาบันส่งเสริมเกษตรชีวภาพและโรงเรียนเกษตรกร
  • ไพโรจน์ ศรีจันทรา นักการเกษตร สถาบันส่งเสริมเกษตรชีวภาพและโรงเรียนเกษตร
จัดทำ
  • รุจิพร จารุพงศ์ กองเกษตรสัมพันธ์
ที่ปรึกษา
  • ปราโมทย์ รักษาราษฎร์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร
  • อรพิน ถิระวัฒน์ ผู้อำนวยกากองป้องกันและกำจัดศัตรูพืช
  • หลักชัย มีนะกนิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมเกษตรชีวภาพและโรงเรียนเกษตรกร

ไม่มีความคิดเห็น:

Translate