วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

เมโทรซิสเต็มส์ได้ฤกษ์เปิดบริษัทค้าส่งไอบีเอ็ม




เมโทรซิสเต็มส์ เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการบริษัทย่อย "เมโทรคอนเนค" ฤกษ์ดีวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009

นายกิตติ เตชะทวีกิจกุล กรรมการบริหาร บริษัท เมโทรคอนเนค จำกัด กล่าวว่า บริษัทลูกของ บมจ.เมโทรซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น แห่งนี้ ที่จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2552 ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท มีกำหนดจัดงานเปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการ วันพุธที่ 9 กันยายน 2009 เพื่อแนะนำตัวต่อลูกค้า คู่ค้า และสาธารณชน รวมทั้งเป็นกิจกรรมกระตุ้นยอดขายช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
บริษัทน้องใหม่นี้มีขอบข่ายการทำธุรกิจเป็นบริษัทค้าส่งผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ของไอบีเอ็มให้แก่คู่ค้าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงในอุตสาหกรรมต่างๆ ตลอดจนสนับสนุนฮาร์ดแวร์ให้กลุ่มผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระของไอบีเอ็ม (ไอเอสวี) และผู้รวบรวมระบบ (เอสไอ) ในรูปแบบดิสทริบิวเตอร์เต็มตัว โดยผนึกกำลังกับบริษัทคู่ค้า เพื่อนำเสนอโซลูชั่นด้านไอทีที่มีประสิทธิภาพโดดเด่นคุ้มค่าการลงทุน เพื่อเป็นทางเลือกอีกช่องทางหนึ่งสำหรับลูกค้าในการทำธุรกิจด้านไอที


นายกิตติ กล่าวว่า เมโทรคอนเนค มีนโยบายทำธุรกิจที่ชัดเจน แยกส่วนบริหารและจัดการออกจากเมโทรซิสเต็มส์ โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ของไอบีเอ็มในกลุ่มเพาเวอร์ ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์แพลตฟอร์มที่สามารถรองรับโซลูชั่นทางด้านยูนิกซ์ ลินิกซ์ รวมทั้งมีสมรรถนะการทำงานและความสามารถทางด้านเวอร์ช่วลไลเซชั่น พร้อมทั้งผลิตภัณฑ์ระบบการจัดเก็บข้อมูลซิสเต็มส์ สตอเรจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการฐานข้อมูลขององค์กรได้ครบวงจร


ขณะที่ นายวีรพันธ์ ดุรงค์แสง กรรมการบริหาร เมโทรคอนเนค กล่าวว่า บริษัทจะจับคู่กับคู่ค้าที่มีทิศทางดำเนินธุรกิจไปด้วยกันได้ ไม่จับตลาดล่าง เน้นตลาดที่เป็นโครงการเป็นหลัก


อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นดิสทริบิวเตอร์ แต่ลักษณะการทำธุรกิจของบริษัทไม่ใช่เพียงให้ราคาแก่คู่ค้าไปขาย แต่จะถ่ายทอดข้อมูลของผลิตภัณฑ์ในเชิงเทคนิค การอัพเดทเทคโนโลยีใหม่ๆ การให้คำปรึกษา การร่วมออกแบบและวางโครงสร้างระบบงานด้านไอที การครีเอทโปรเจคร่วมกับคู่ค้า การสร้างความต้องการระบบ เพื่อช่วยเหลือพันธมิตรนำเสนอโครงงานการพัฒนาด้านไอทีให้ลูกค้า เพื่อให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุดทุกด้าน


รวมทั้งการสนับสนุนอื่นๆ ได้แก่ ให้นำซอฟต์แวร์โซลูชั่นที่มีมาทดสอบ ทำพรูฟ ออฟ คอนเซปต์ (พีโอซี) หรือนำลูกค้ามาทดสอบประสิทธิภาพ เพราะบริษัทมีศูนย์บีปิกส์ ที่มีอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ครบวงจรเป็นจุดเด่นการนำเสนอบริการระดับมืออาชีพแก่คู่ค้า


นอกจากผลิตภัณฑ์ทั้งคู่ที่บริษัทได้รับสิทธิจัดจำหน่ายจากไอบีเอ็มแล้ว ขณะนี้กำลังเสนอทำตลาดผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้ตั้งแต่ตั้งบริษัทมา สามารถทำรายได้อย่างต่อเนื่อง จากกลุ่มราชการ และธนาคาร ทั้งหวังว่าต้นปีหน้า เศรษฐกิจกลับมาดีขึ้นอาจมีลูกค้าในอุตสาหกรรมรถยนต์ต้องการลงทุนไอทีเพิ่ม


นายณรงค์ จารุวจนะ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมโทรซิสเต็มส์ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า การลงทุนเปิดบริษัทใหม่แห่งนี้ บริษัทคาดว่าจะทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท ทั้งลดความซ้ำซ้อนในการเป็นตัวแทนทำตลาดฮาร์ดแวร์ให้แก่ผู้ค้ารายอื่นๆ และสนับสนุนฮาร์ดแวร์แก่ฐานลูกค้ากลุ่มผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระของไอบีเอ็ม ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก

โดย : มรกต คนึงสุขเกษม วันที่ 4 กันยายน 2552 04:00

'3G' บนโน้ตบุ๊ก ฉีกประสบการณ์ใหม่



*การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

* ลืมไปได้เลยกับฟิกซ์ไลน์ ฮอตสปอตแบบเดิมๆ ที่ทำให้คุณต้องติดอยู่กับที่

* เกิดการรวมตัวระหว่างโลกโมบายและอินเทอร์เน็ตอย่างสมบูรณ์แบบ

* '3G' กลายเป็นกุญแจสำคัญที่ปลดพันธนาการ 'ติดปีก' โน้ตบุ๊กท่องเน็ตไร้ขีดจำกัด

แม้ว่าตัวเลขผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีผู้ใช้งานอยู่ประมาณ 16 ล้านคน แต่ก็ถือว่าล้าหลังกว่าประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้ค่อนข้างมาก

ยิ่งตัวเลขคนใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือบรอดแบนด์ที่มีอยู่เพียง 2% ของจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศ ถือเป็นตัวเลขที่น่าตกใจอย่างมาก

ทำไมคนไทยจึงเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้น้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากการพัฒนาโครงข่ายที่ไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานได้อย่างทั่วถึงในทุกจุดทั่วประเทศ

'ปัจจุบันกว่า 75% ของครัวเรือนในประเทศไทยยังไม่สามารถเข้าถึงระบบโทรศัพท์พื้นฐาน หรือฟิกซ์ไลน์' ทอเร่ จอห์นเซ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าว

และเทคโนโลยีใดจะเข้ามาช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเหมือนอย่างเช่นประเทศอื่นๆ

คำตอบที่ได้จากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างดีแทค คือเทคโนโลยี 3จี จะเข้ามาช่วยให้ข้อจำกัดต่างๆ ที่ทำให้คนไทยไม่สามารถเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง สามารถที่จะเข้าถึงได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

ยิ่งทุกวันนี้ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่นิยมใช้งานคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการซื้อใหม่ปีละหลายแสนเครื่องต่อปี กลุ่มคนใช้โน้ตบุ๊กเหล่านี้ต้องการที่จะเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบทุกที่ทุกเวลา จากที่ปัจจุบันต้องใช้งานผ่านฟิกซ์ไลน์ ฮอตสปอต ซึ่งไม่สะดวกต่อการใช้งานมากนัก ขาดความเป็นโมบิลิตี้อย่างแท้จริง

3จี จึงน่าที่จะเป็นคำตอบสำหรับกลุ่มผู้ใช้โน้ตบุ๊กในประเทศไทยได้ เช่นเดียวกับดีแทคที่มองกลุ่มผู้ใช้โน้ตบุ๊กเป็นคนกลุ่มแรกที่ดีแทคจะโฟกัสให้มาทดลองใช้งานเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย 3จีของดีแทค

'ดีแทคถือเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่ทดสอบการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไร้สายบนระบบ 3จี ผ่านคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก' เป็นคำกล่าวของ โรอาร์ วิค แอนเดรสเซ่น รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค และว่า

ดีแทคมีความเชื่อว่ามูลค่าเพิ่มที่มาพร้อมกับ 3จี คือความสามารถในการให้ทางเลือกที่ดีกว่าแก่ผู้บริโภคในการต่อเชื่อมเข้าสู่อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยไม่ถูกจำกัดด้วยพื้นที่การใช้งานบนระบบโทรศัพท์แบบมีสาย หรือระบบไว-ไฟ อีกต่อไป

ดีแทคจึงได้เปิดทดลองให้บริการ 'โมบาย อินเทอร์เน็ตบน 3จี' เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถออนไลน์ผ่านจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กด้วยระบบเครือข่ายไร้สายความเร็วสูง ซึ่งในช่วงแรกของโครงการนี้ พื้นที่ที่เปิดให้บริการจะครอบคลุมบริเวณจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สามย่าน สยามสแควร์ มาบุญครอง พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า และจามจุรีสแควร์ หลังจากนั้น ดีแทคจะดำเนินการขยายพื้นที่ทดสอบการให้บริการให้ครอบคลุมพื้นที่อื่นๆ ในกรุงเทพฯ

โครงการโมบายอินเทอร์เน็ตบน 3จี ถือเป็นการทดสอบให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงบนโครงข่าย 3จี ให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ 2,000 คน โดยผู้เข้าร่วมจะได้รับ 'ดีแทค แอร์การ์ด' ฟรี พร้อมแอร์ไทม์เพื่อใช้ในการต่อเชื่อมคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กในการออนไลน์บนอินเทอร์เน็ตโดยไม่คิดมูลค่าตลอดระยะเวลาการทดลอง 4 เดือน เพียงผู้เข้าร่วมโครงการเสียบดีแทคแอร์การ์ดเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ตัวแอร์การ์ดจะทำการติดตั้งซอฟต์แวร์ที่จำเป็นโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้งานก็สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านโครงข่าย 3G ของดีแทคได้ทันที

ดีแทคโฟกัสกลุ่มเป้าหมายที่เป็นทั้งนักศึกษา คนทำงาน เจ้าของธุรกิจ และอื่นๆ ที่อยู่ในพื้นที่ตั้งแต่สามย่านจนถึงประตูน้ำ เห็นได้ชัดว่าพื้นนี้ดังกล่าวเป็นแหล่งที่เปรียบเสมือนกับศูนย์กลางของโลกโมบายและไอทีของประเทศไทย กระแสที่จะได้รับจากการใช้งานที่เกิดขึ้นในพื้นที่นี้ ย่อมเป็นสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับดีแทคแอร์การ์ดไปทดลองใช้สามารถบอกต่อไปถึงกลุ่มคนรู้จักให้เข้ามาทดลองใช้ในอนาคตได้เป็นอย่างดี

ดีแทค ยังมีการเตรียมบริการตอบข้อสงสัยหรือปัญหาในการใช้บริการให้กับผู้ทดลองใช้บริการผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึงทีมงานพิเศษของคอลเซ็นเตอร์ที่เรียกว่า 'ไฮเทค-ทีม' (Hi-tech Team) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการอบรมให้มีความรู้ในด้านอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งเทคโนโลยีในเชิงลึก เพื่อให้สามารถตอบคำถาม และให้ความช่วยเหลือในการตั้งค่าอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างถูกต้องรวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านคอลเซ็นเตอร์ 1678 กด 34

นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาเว็บพอร์ทัลที่เรียกว่า 'startpage' (www.startpage.in.th) ที่จะทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริการโมบายอินเทอร์เน็ตบน 3จี รวมทั้งเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมบริการและคอนเทนต์โลกยุคใหม่ไว้อย่างครบครัน โดยจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอครั้งแรกทุกครั้งที่มีการเชื่อมต่อการใช้งานผ่านดีแทคแอร์การ์ด และยังสามารถสอบถามข้อมูลผ่านอีเมล 3g@dtac.co.th หรือสามารถไปทดลองใช้บริการที่บูทของดีแทคได้ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และที่พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า

ทอเร่ จอห์นเซ่น กล่าวว่า เป้าหมายหลักของการเปิดทดลองให้บริการโมบายอินเทอร์เน็ตบน 3จี ไม่ได้อยู่ที่การทดสอบประสิทธิภาพของเทคโนโลยี เพราะ 3จี เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพิสูจน์และยอมรับในหลายประเทศทั่วโลก จุดหมายของโครงการเพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการทำงานทุกส่วนภายในองค์กรมีความพร้อมที่จะรองรับการให้บริการในเชิงพาณิชย์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เมื่อได้รับใบอนุญาตให้บริการ 3จี ที่กำลังจะมีการประมูลภายในปลายปีนี้

'ดีแทคจะสำรวจและเก็บข้อมูลทุกอย่างในการใช้งาน ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบโครงการ โดยข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ดีแทคในฐานะผู้ให้บริการโมบายอินเทอร์เน็ตบน 3จี สามารถออกแบบสินค้าและบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้บริการเมื่อดีแทคเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ในอนาคต'

ดีแทคโมบายอินเทอร์เน็ตบน 3จี คือ การร่วมมือระหว่างดีแทค และ กสท ในการทดลองให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง โดยใช้เทคโนโลยี HSPA บนคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ ด้วยงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท โดยหัวเหว่ยเป็นบริษัทที่ดำเนินการพัฒนาโครงข่าย 3จี นี้ให้กับดีแทคในครั้งนี้ ทั้งนี้ การทดสอบจะเริ่มต้นในเดือนกันยายนจนสิ้นสุดโครงการในเดือนธันวาคมนี้

ก่อนหน้านี้ ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อย่าง 'เอไอเอส' และ 'ทรูมูฟ' ต่างลงแรงทดสอบระบบเครือข่าย 3จี มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ส่วนใหญ่จะเน้นการให้บริการผ่านเครื่องลูกข่ายมือถือเป็นหลัก ซึ่งจากการนำแอร์การ์ด 3จีของดีแทคไปทำการทดลองใช้งานบริเวณเซ็นทรัลเวิลด์พบว่า ความเร็วในการใช้อินเทอร์เน็ตถือว่ามีความเร็วที่สูงกว่า 'วูปเปอร์ 3จี' ที่ทางเอไอเอสเปิดให้ทดลองใช้งานอยู่ ณ บริเวณเซ็นทรัลเวิลด์เช่นกัน

ความเร็วสูงสุดที่ทางดีแทคพร้อมให้บริการโมบายบรอดแบนด์ภายใต้ชื่อโครงการ 'Revolution' อยู่ที่ 7.6 เมก แต่เมื่อใช้งานจริง ความเร็วโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 2 เมกะไบต์ ซึ่งถือว่าเป็นความเร็วที่ไม่น้อยหน้าการใช้งานผ่านบรอดแบนด์แบบมีสาย

ส่วนจำนวนข้อมูลในการใช้งาน ทางดีแทคได้จำกัดจำนวนข้อมูลในการใช้งานแต่ละเดือนอยู่ที่ 5 กิกะไบต์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของดีแทคอธิบายว่า เป็นจำนวนที่สูงมากในการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนเครือข่าย 3จี ขนาดในประเทศที่เปิดให้บริการ 3จีแล้วอย่างประเทศมาเลเซีย แพกเกจที่ทางผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เสนอต่อผู้บริโภคสูงสุดอยู่ที่ 3 กิกะไบต์เท่านั้น

'5 กิกะไบต์ ถือว่าเหลือเฟือในการใช้งานแต่ละเดือน'

ถึงแม้การเปิดตัวในครั้งนี้ของดีแทคดูจะล่าช้ากว่าคู่แข่งรายอื่นในตลาด แต่ถ้าดูจากการเตรียมความพร้อมในทุกด้าน ถือว่า ดีแทค ตระเตรียมมาดีกว่าใคร


โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ 4 กันยายน 2552 12:32 น.

"กูเกิล โครม" เปิดดีล "ไวโอ้" ควง โซนี่ เจาะตลาดบราวเซอร์บนพีซี





ปล่อยบราวเซอร์ "โครม" (chrome) ออกสู่ตลาดยังไม่ทันครบปี กูเกิล ก็ประสบความสำเร็จในการเจรจากับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์พีซี เพื่อให้ติดตั้งบราวเซอร์โครมบนโน้ตบุ๊ก ซึ่งเตรียมที่จะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้แล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กูเกิลกำลังเดินหน้าส่งบราวเซอร์ อินเทอร์เน็ต "โครม" สู่ตลาดพีซีเป็นครั้งแรก ประเดิมดีลแรกกับบริษัทโซนี่ ซึ่งมีสินค้าโน้ตบุ๊กภายใต้แบรนด์ "ไวโอ้" เพื่อวางจำหน่ายเฉพาะในอเมริกาเหนือ ส่งผลให้โซนี่จะมีโน้ตบุ๊กที่ติดตั้งบราวเซอร์โครมและบราวเซอร์ IE (Internet Explorer) วางขายควบคู่กันใน ตลาดสหรัฐ

การจับมือกับโซนี่ถือเป็นดีลแรกที่เกิดขึ้นของโครม และนับเป็นก้าวสำคัญในการเข้าสู่ตลาดพีซีของบราวเซอร์น้องใหม่นี้ด้วย โดยความร่วมมือครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยให้โครมสามารถขยายส่วนแบ่งการตลาดบราวเซอร์ได้มากขึ้น จากปัจจุบันที่ยังมี ส่วนแบ่งในตลาดตาม IE ของไมโครซอฟท์ กับ Firefox อยู่

"อีไอเตียน เบนคูยา" โฆษกของกูเกิล กล่าวว่า การร่วมมือกับโซนี่จะเห็นผล ในช่วงซัมเมอร์ (พ.ค.) นี้ แต่เขายังปฏิเสธให้รายละเอียดอื่นๆ เช่น จำนวนโมเดลที่ใช้โครม แผนการทำตลาดนอกสหรัฐ หรือสัญญาทางการเงินต่างๆ

อย่างไรก็ตาม จากคำแถลงการณ์ระบุว่า ผู้ใช้งานให้การตอบรับโครมอย่างมาก และตอนนี้กูเกิลกำลังค้นหาหนทางต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงโครมได้มากขึ้น แต่ทั้งนี้เบนคูยากล่าวอีกว่า กูเกิลกำลังมองหาดีลที่คล้ายคลึงนี้กับผู้ผลิตพีซีรายอื่นๆ ด้วย เพื่อกระตุ้นยอดขายให้ มากขึ้น และกำลังหาหนทางใหม่ๆ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้กับโครม

บริษัทวิจัยทางการตลาด Net Application รายงานว่า เดือนกรกฎาคม โครมมีส่วนแบ่งการตลาดบราวเซอร์ทั่วโลกประมาณ 3% อยู่ในลำดับที่ 4 ขณะที่ IE ยังคงเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 67.7% ตามมาด้วย Firefox ของ Mozilla 22.5% และ Safari ของแอปเปิลที่ครองส่วนแบ่งอยู่ 4%

นอกจากการขยายโครมบนระบบ ปฏิบัติการวินโดวส์แล้ว โครมยังค่อยๆ พัฒนาบนลีนุกซ์และระบบปฏิบัติการ Mac OS X ด้วย แม้ว่ายังอยู่ในช่วงการทดสอบของ นักพัฒนาเพื่อให้การใช้งานโครมบนระบบปฏิบัติการอื่นๆ มีความเป็นรูปธรรมมากขึ้นด้วย

"ไบรอัน ราคอฟสกี" ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาสินค้าโครมกล่าวว่า ปัญหาอย่างหนึ่ง คือ ผู้ใช้ไม่รู้ว่าบราวเซอร์คืออะไรและมีคุณค่าอย่างไร ทั้งๆ ที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมีอยู่เป็นจำนวนมากต้องพึ่งพาบราวเซอร์เป็นประตูเข้าสู่อินเทอร์เน็ต

ทางกูเกิลเองก็หวังว่า การที่บราวเซอร์โครมมีการใช้งานเพิ่มมากขึ้น จะช่วยขยายการใช้งานแอปพลิเคชั่นออนไลน์อื่นๆ และบริการเสิร์ชของกูเกิลได้ รวมไปถึงอาจจะสามารถกระตุ้นให้ผู้ใช้ลดการใช้สินค้าหรือบริการของคู่แข่งอย่างไมโครซอฟท์ด้วย เพราะนอกจากบราวเซอร์โครมที่กูเกิลปล่อยออกมาท้าชนแล้ว ยังมี "ระบบปฏิบัติการโครม" ที่กูเกิลพัฒนาขึ้นเองเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพื่อเจาะตลาดคอมพิวเตอร์รุ่นโลว์เอนด์ และพยายาม "กำจัด" พีซีที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการวินโดวส์ให้ลดน้อยลง

ตั้งแต่กูเกิลเปิดตัวบราวเซอร์โครม กูเกิลทำตลาดผ่านทางสื่อออนไลน์และทีวี รวมถึงทำข้อตกลงกับ Real Media เครื่องเล่นวิดีโอเพื่อโฆษณา แต่ความพยายามดังกล่าวไม่สามารถกระตุ้นส่วนแบ่งการตลาดให้กับโครมได้มากนัก

แต่กระนั้น ได้สร้างความกังวลให้กับไมโครซอฟท์พอสมควร โดย IE ต้องเผชิญการเสียส่วนแบ่งทางการตลาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาให้กับคู่แข่งบราวเซอร์ตัวอื่นๆ เช่น Firefox รวมถึงผู้เล่นใหม่ อย่างกูเกิล รวมถึงเผชิญกับข้อกล่าวหากรณีผูกขาดทางการค้าในยุโรปด้วย แต่ในฤดูซัมเมอร์นี้ ไมโครซอฟท์จะอนุญาตให้ผู้ใช้วินโดวส์สามารถเลือกบราวเซอร์ต่างๆ ได้ ตั้งแต่ลูกค้าเปิดใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรก

โฆษกหญิงของไมโครซอฟท์ กล่าวในแถลงการณ์ถึงดีลของโซนี่กับกูเกิลว่า การแข่งขันในตลาดนับเป็นสิ่งที่ดี และประชาชนมีสิทธิ์ที่จะเลือกบราวเซอร์ที่คิดว่าดีที่สุด แต่ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์มองว่า IE มีข้อได้เปรียบเหนือกว่าคู่แข่ง ทั้งด้านความก้าวหน้าเรื่องความปลอดภัยและการควบคุมดูแลข้อมูลส่วนตัว

อีกด้านหนึ่ง การทำข้อตกลงกับโครมของโซนี่ สะท้อนให้เห็นว่า โซนี่กำลังโฟกัสการพัฒนาสินค้าให้มีความยืดหยุ่นและเป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากขึ้น เพื่อเดินตามรอยยักษ์ใหญ่พีซีรายอื่น เช่น ฮิวเลตต์-แพคการ์ด หรือเดลล์ โดยโซนี่หวังว่าบริษัทจะมียอดจำหน่ายไวโอ้จำนวนกว่า 6.2 ล้านเครื่องทั่วโลกเมื่อสิ้นปีงบประมาณในเดือน มี.ค. แม้ว่าไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โซนี่ยังไม่ติดอันดับ 1 ใน 5 ผู้ผลิตพีซีรายใหญ่ของโลก แต่ก็หวังว่า การร่วมมือกับโครมครั้งนี้จะเป็นหนทางสำคัญในการเพิ่มส่วนแบ่งได้อีกทาง

"โอซามุ ฮิโรเซ่" นักวิเคราะห์จากศูนย์วิจัย Tokai Tokyo Research Center กล่าวว่า โซนี่กำลังพยายามตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น หนึ่งในตัวอย่าง คือ การมีบราวเซอร์ใหม่ให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น

หน้า 26
วันที่ 07 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4138 ประชาชาติธุรกิจ

ไอซีที-กทช.โยนปัญหาแก้เว็บไม่เหมาะสม

ที่โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เป็นประธานเปิดการสัมมนาเรื่อง ‘การบูรณาการตรวจสอบและดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและผิดกฎหมาย’ โดยกล่าวว่า ไอซีทีไม่มีอำนาจในการกำกับดูแล หรือออกคำสั่งผู้ประกอบการอินเทอร์เน็ตรายย่อย (ไอเอสพี) แต่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) มีอำนาจในฐานะเป็นผู้ออกใบอนุญาตประกอบกิจการให้กับไอเอสพี และสำหรับการดูแลควบคุมเว็บไซต์ไม่เหมาะสม ไอซีทีไม่สามารถควบคุมดูแลได้เพียงลำพัง แต่จำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ กทช. ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจควบคุมไอเอสพี เพราะที่ผ่านมาแทบจะไม่มีการประสานงานร่วมกันเลย

ร.ต.หญิงระนองรักษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้แนวทางการแก้ไขเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมอีกประการหนึ่ง คือการเร่งสร้างจิตสำนึกให้กับเด็กและเยาวชนตั้งแต่ชั้นระดับประถมศึกษา เพราะสามารถซึมซับการสร้างจิตสำนึกที่ดีได้ง่าย ส่วนความเข้าใจของประชาชนต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ. 2550 ตนยังไม่แน่ใจว่าทั่วถึงขนาดไหน ดังนั้น ไอซีที จึงเตรียมแจกหนังสือเกี่ยวกับพ.ร.บ.ดังกล่าวแก่ประชาชน


ด้าน พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า สำหรับเว็บไซต์ไม่เหมาะสม เว็บไซต์การพนันยังถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ เพราะเข้าถึงผู้เล่นตามบ้านได้โดยตรง จากเดิมวิธีการเล่นจำกัดอยู่เฉพาะที่บ่อน ทำให้ยากต่อการตรวจจับ ส่วนเว็บไซต์หมิ่นสถาบันไม่ค่อยมีผลกระทบในวงกว้าง เพราะคนไทยส่วนใหญ่ถูกปลูกฝังให้รักสถาบันกษัตริย์ จึงไม่ค่อยมีใครสนใจเข้าไปดูเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน ทั้งนี้ หาก กทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมาสร้างมิติใหม่ในการบูรณาการความร่วมมือกัน จะสามารถป้องกั้นเว็บไซต์ไม่เหมาะสมได้ 60-70 %

พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาเว็บไซต์ไม่เหมาะสม ไอซีทีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องสร้างเครื่องมือในการคัดกรองเว็บไซต์ ซึ่งจำนวนเงินลงทุนอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท เครื่องมือดังกล่าวมีใช้ในสหรัฐอเมริกาและอิสราเอลแล้ว ซึ่งขณะนี้ ดีเอสไอ ได้นำร่องสร้างเครื่องมือคัดกรองดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งเชื่อมั่นว่าเครื่องมือคัดกรองดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปราบปรามให้ดีกว่าปัจจุบันถึง 90 %

นายบุญโชค รุ่งโชติ ผู้อำนวยการสำนักกำกับกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการรายงานเกี่ยวกับพฤติกรรมการเพิกเฉยของไอเอสพี ในการสกัดกั้นเว็บไซต์ไม่เหมาะสมจากไอซีที ทำให้ กทช.ไม่สมารถใช้อำนาจในการกำกับดูแลลงโทษไอเอสพี ตามประกาศของกทช.ได้ ดังนั้น กทช.มองว่าไอซีทีควรปรับปรุงเรื่องการประสานงานกับ กทช.ใหม่

ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์ 03 กันยายน 2552

อิสราเอลสร้างเครื่องตรวจมะเร็งปอด จับพบจากลมหายใจ

นักวิทยาศาสตร์ยิว ประดิษฐ์ อุปกรณ์พกพาใช้ในการตรวจตัวอย่างลมหายใจ ที่สามารถจับพบอณูของมะเร็งปอดจากลมหายใจในราคาต้นทุนที่ไม่แพง…

นักวิทยาศาสตร์ยิวได้คิดประดิษฐ์อุปกรณ์ ซึ่งสามารถจับพบอณูของมะเร็งปอดจากลมหายใจได้

ดร.ฮอสซัม ฮาอิค กับคณะของสถาบันเทคโนโลยีเทคเนียนอิสราเอล ที่เมืองไฮฟา กล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า เทคโนโลยีใหม่นี้จะพอเหมาะกับฐานะของคนทั่วไป เพราะเป็นเครื่องมือที่สะดวก ซึ่งมันจะช่วยพิทักษ์ชีวิตผู้คนได้จำนวนมาก ตรวจพบโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ “เราทดลองใช้พบว่า มันทำให้วินิจฉัยโรคได้โดยเร็วและสะดวก”

วารสารวิชาการ “เทคโนโลยีนาโนธรรมชาติ” ของสหรัฐฯ เปิดเผยรายละเอียดว่า เป็นที่หวังว่าอุปกรณ์ซึ่งราคาไม่สูง สามารถพกพาไปได้ จะใช้ในการตรวจคัดกรองโรคได้อย่างกว้างขวาง มันอาจจะช่วยพิทักษ์ชีวิตของผู้คนได้เป็นเรือนล้านในแต่ละปี

ผู้เชี่ยวชาญได้ทดลองใช้เครื่องตรวจตัวอย่างลมหายใจของคนไข้ที่ถูกวินิจฉัยโรคว่าเป็นมะเร็งปอด 40 ราย และผู้ที่แข็งแรงปกติ 56 ราย

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์ 4 กันยายน 2552

Translate