วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

ปลูกผักตามฤดูกาล


ปลูกผักตามฤดูกาล
ปลูกผักสวนครัวให้เหมาะสมกับฤดูกาล เพราะจะทําให้ดูแลรักษาง่าย ได้ผักที่มีคุณภาพ ผลผลิตดี มีโรคและแมลงรบกวนน้อย ฤดูกาลที่เหมาะสมในการปลูกพืชผักแต่ละชนิด ดังนี้
พฤศจิกายน - มกราคม หอมแบ่ง กุ่ยช่าย คื่นฉาย กะหล่ำปลี ผักกาดขาวปลีห่อ กะหล่ำปม
กุมภาพันธ์ - เมษายน ผักชี ผักบุ้งจีน ผักกาดหัว ถั่วฝักยาว แตงกวา แตงไทย มะระ ผักกาดเขียวปลี ผักคะน้า ผักกาดเขียวกวางตุ้ง ผักกาดยาว
พฤษภาคม - กรกฎาคม ผักคะน้า กุยช่าย บวบเหลี่ยม กวางตุ้งไต้หวัน ข้าวโพดหวาน หอมแดง
สิงหาคม - ตุลาคม ผักชีลาว กุ่ยช่าย ผักกาดขาว ผักกาดเขียวกวางตุ้ง หอมแบ่ง มันแกว มันเทศ ผักกาดหอม ผักคะน้า ผักบุ้งจีน พริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู มะเขือเปราะ มะเขือยาว

น้ำหมักชีวภาพ จากถั่ว


น้ำหมักชีวภาพจากถั่วเหลือง 2 สูตร ที่ใช้เวลาในการหมัก 2 เดือนและ 4 เดือน พบสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช ได้แก่ ออกซิน (กรดอินโดล 3 อะซิติก) ที่ระดับ 0.11 และ 1.94 มิลลิกรัม/ลิตร ไซโดไคนิน (ไคเนติน) ที่ระดับ 4.95 และ 4.09 มิลลิกรัม/ลิตร ธาตุอาหารพืชที่เป็นธาตุหลัก ได้แก่ ไนโตรเจน ที่ระดับ 1.09% และ0.71% ฟอสฟอรัส ที่ระดับ 0.09% และ 0.25% โพแทสเซียม ที่ระดับ 1.15% และ 1.03% ส่วนปริมาณธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม พบในปริมาณน้อย
วัสดุที่ต้องเตรียม
  1. ถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม (ถั่วอื่นๆ เช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง)
  2. สับปะรด 2 กิโลกรัม
  3. กากน้ำตาล 1 กิโลกรัม
  4. น้ำชาวข้าว 10 ลิตร
วิธีการทำ
  1. แช่เมล็ดถั่วเหลืองทิ้งไว้ข้ามคืน
  2. นำถั่วเหลืองที่ได้มาโขลกให้ละเอียด
  3. ตวงน้ำซาวข้าว 10 ลิตร ใส่ถังหมัก
  4. ตามด้วยสับปะรดหั่นเป็นชิ้นเล็ก 2 กิโลกรัม และกากน้ำตาล 1 กิโลกรัม แล้วคนส่วนผสมให้เข้ากัน
  5. เทถั่วเหลืองที่บดละเอียด ลงถังหมัก คลุกเคล้าให้เข้ากัน
  6. หมักทิ้งไว้ 14 วัน หมั่นคนทุกวัน กรองเอาแต่น้ำไปใช้
การนำไปใช้
  1. ฉีดพ่นทางใบ ใช้ 10-20 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร
  2. รดลงดิน ใช้ 50 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร *ใช้ในช่วงที่พืชมีการเจริญเติบโตทางต้น ลำต้นและใบ ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ศึกษาและพัฒนเขาหินซ้อน (http://www.khaohinsorn.com/)

น้ำหมักชีวภาพ จากไข่ (ฮอร์โมนไข่)


วัสดุที่ต้องเตรียม
  1. ไข่ไก่ทั้งเปลือก 2 กิโลกรัม
  2. ยาคูลท์ 1 วด
  3. ลูกแป้งข้าวหมาก 1 ลูก
  4. น้ำตาลทรายแดง 1 กิโลกรัม
  5. น้ำสะอาด 1 ลิตร
วิธีการทำ
  1. นำไข่ไก่ 2 กิโลกรัม ล้างให้สะอาด ตีให้เข้ากัน ส่วนเปลือกทุบให้ละเอียด ใส่ภาชนะที่มีฝาปิด
  2. เติมยาคูลท์ 1 ขวด แล้วคนให้เข้ากัน
  3. เติมลูกแป้งข้าวหมาก ที่บดละเอียดแล้ว 1 ลูก
  4. เติมน้ำตาลทรายแดง คนให้ละลายเข้ากันกับไข่
  5. เติมน้ำสะอาดลงไป 1 ลิตร คนให้เข้ากัน
  6. คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 14 วัน จึงนำไปใช้
การนำไปใช้
  1. น้ำหมักชีวภาพจากไข่ 10-20 ซีซี ผสมน้ำหมักชีวภาพจากหน่อกล้วย 10-20 ซีซี ในน้ำ 20 ลิตร รดลงดินหรือฉีดพ่นได้กับพืชทุกชนิด สัปดาห์ละครั้ง
  2. ใช้กับสัตว์ 1 ซีซีต่อน้ำ 5 ลิตร คลุกให้หัวอาหารหรือผสมน้ำ
ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ศึกษาและพัฒนเขาหินซ้อน (http://www.khaohinsorn.com/)

น้ำหมักชีวภาพ จากนม


ประโยชน์มีกรดแลคติดที่ช่วยทำให้ดินร่วนซุย มีสารส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชกลุ่มออกซิน ไซโตไคนิน ปริมาณธาตุอาหารหลัก และธาตุอาหารรอง ที่ช่วยบำรุงต้น และกระตุ้นยอดอ่อนของพืช

วัสดุที่ต้องเตรียม
  1. นมสด 10 กิโลกรัม
  2. กากน้ำตาล 3 กิโลกรัม (หรือน้ำตาลทรายแดง 1 กิโลกรัม)
  3. น้ำหมักชีวภาพจากหน่อกล้วย 200 ซีซี (ประมาณ 1 แก้ว)
วิธีการทำ
  1. นำนมสด ตวงใส่ภาชนะให้ได้ 10 กิโลกรัม
  2. เทนมสดลงถังหมัก
  3. จากนั้นเติมน้ำตาลทรายแดง 1 กิโลกรัม
  4. เติมจุลินทรีย์หน่อกล้วย 200 ซีซี
  5. คนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 14 วัน
  6. ในกระบวนการหมักจะเกิดการแยกชั้นเป็น 2 ส่วน โดยด้านนมจะเกิดเป็นชั้นไข ด้านล่างเป็นน้ำใส ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้ง 2 ส่วน
การนำไปใช้
  1. ใช้เป็นน้ำยาเร่งราก ตัดชิ้นไขที่เกิดด้านบน 2 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำ 10 ลิตร ผสมให้เข้ากัน แล้วนำกิ่งพันธุ์พืชแช่ไว้ประมาณ 10 นาที แล้วจึงนำไปปลูก ในถุงปักชำ (ยากยังไม่ใช้สามารถตักชิ้นไขเก็บรักษาในตู้เย็นไว้ได้)
  2. ใช้บำรุงต้น กระตุ้นยอดอ่อน ใช้น้ำหมักฯ ที่เป็นชั้นน้ำใสด้านล่าง อัตรา 10-20 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นด้นพืช สัปดาห์ละครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ศึกษาและพัฒนเขาหินซ้อน (http://www.khaohinsorn.com/)

ใช้ปรับปรุงดิน ปรับสภาพน้ำ ป้องกันและกำจัดศัตรูพืช เร่งการเจริญเติบโตของพืช ใช้กำจัดกลิ่นเหม็นในคอกสัตว์ย่อยสลายอินทรียวัตถุ และฟางในนาข้าว

วัสดุที่ต้องเตรียม
  1. หน่อกล้วยต้นเล็กๆ หรือมีใบธงจำนวน 3 ใบ สูงประมาณ 1 เมตร 3 กิโลกรัม
  2. กากน้ำตาล 1 กิโลกรัม
  3. น้ำ 1 ลิตร











วิธีการทำ
  1. นำหน่อกล้วยมาสับให้ละเอียดเป็นชิ้นเล็กๆ สามารถใช้ได้ทั้งราก โดยไม่ต้องล้างน้ำ
  2. จากนั้นนำหน่อกล้วยที่ได้มาชั่งน้ำหนัก
  3. ละลายกากน้ำตาลในน้ำ 1 ลิตรคนให้เข้ากัน
  4. เติมกากน้ำตาลที่ละลายน้ำ 1 ลิตร เทลงถังคลุกเคล้า
  5. ปิดฝาตั้งไว้ที่ร่ม หมักทิ้งไว้ 7 วัน สามารถนำมาใช้ได้ (เก็บได้นาน 6 เดือน)
การนำไปใช้
  1. นำหมักชีวภาพจากหน่อกล้วย 20 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร นำมาฉีดพ่น หรือรดต้นไม้ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  2. ใช้ปรับปรุงโครงสร้างของดิน ในการใช้แต่ละครั้งไม่ควรเกิน 5 ลิตรต่อไร่
  3. ปรับปรุงคุณภาพน้ำในร่องสวน ใช้น้ำหมักชีวภาพจากหน่อกล้วย 1 ลิตร ต่อน้ำ 10,000 ลิตร
  4. ล้างทำความสะอาด คอกสัตว์ ใช้น้ำหมักชีวภาพจากหน่อกล้วย 1 ลิตร ต่อน้ำ 100 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่ว


ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ศึกษาและพัฒนเขาหินซ้อน (http://www.khaohinsorn.com/)

น้ำหมักชีวภาพ กำจัดโรค แคงเกอร์ในมะนาว


การเตรียมสารเพาะเชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ซับทิลิส ส่วนผสม
1.หัวเชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ซับทิลิส (Bacillus subtilis) ขนิดผง 1 ช้อนชา 2.แลคตาซอย กล่องฟ้า 500 ml 3. นำ้ตาล 5 ช้อนชา วิธีการทำ การเตรียมผสมให้เข้ากันในขวดน้ำอัดลมพลาสติก ขนาด 1.25 ลิตร หมักไว้ในห้องที่มี อากาศร้อน (อย่าปิดฝาแน่น) แต่ไม่ให้โดนแสงแดด เก็บไว้นาน 48-72 ชั่วโมง จึงนำมาใช้ได้ พยายาม อย่าให้มดขึ้นด้วย เวลาใช้ นำน้ำยาที่ได้ 100 มิลลิลิตรไป ผสมน้ำ 20 ลิตร + น้ำยาล้างจาน 30 มิลลิลิตร ในการพ่นใบมะนาวที่เป็น โรคแคงเกอร์ ทุก3 วัน จำนวน 4 ครั้ง

น้ำหมักชีวภาพ จากเศษอาหาร


คุณสมบัติในการบำบัดน้ำเสียและขจัด กลิ่นเหม็น ลดกลิ่นเหม็นตามท่อระบายน้ำ และทำความสะอาดคอกสัตว์

วัสดุที่ต้องเตรียม
  1. เศษอาหารในครัวเรือน 3 กิโลกรัม
  2. กากน้ำตาล 2 กิโลกรัม (หรือน้ำตาลทรายแดง 1 กิโลกรัม)
  3. น้ำหมักชีวภาพจากหน่อกล้วย 200 ซีซี (ประมาณ 1 แก้ว) หรือใช้สารเร่ง พด.6
  4. น้ำ 1 ลิตร (หากเศษอาหารมีน้ำแกงอยู่แล้วไม่ต้องเติมน้ำเปล่าเพิ่ม)
วิธีทำ
  1. ชั้งน้ำหนักเศษอาหารที่ได้ในครัวเรือน
  2. เทกากน้ำตาล 2 กิโลกรัม กับน้ำในถังหมัก
  3. ละลายส่วนผสมให้เข้ากัน
  4. เทเศษอาหารลงในถังหมัก
  5. คนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน
  6. เติมจุลินทรีย์ลงในถัง หมักทิ้งไว้ 14 วัน ผิดฝาตั้งทิ้งไว้ในร่ม
การนำไปใช้
  1. ใช้บำบัดน้ำเสียและขัดกลิ่นเหม็น อัตราการใช้ 1 ลิตรต่อน้ำเสีย 10 ลูกบาศก์เมตร ทุกๆ 10 วัน
  2. ใช้ทำความสะอาดพื้นและคอกปศุสัตว์ อัตราการใช้ เจือจางด้วย น้ำ 1 ต่อ 10 ราดให้ทั่วพื้นที่ทุกๆ 3 วัน


ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ศึกษาและพัฒนเขาหินซ้อน (http://www.khaohinsorn.com/)

น้ำหมักชีวภาพ สูตรเข้มข้น (อาหารจานด่วน)


ช่วยให้ดินนาข้าวร่วนซุย และทำให้ ต้นข้าวสามารถเจริญเติบโตได้ดี อีกทั้งยังเพิ่มธาตุอาหารให้แก่ ต้นข้าวอีกด้วย

วัสดุที่ต้องเตรียม
  1. น้ำหมักชีวภาพนม 3 ลิตร
  2. น้ำหมักชีวภาพจากไข่ 1 ลิตร (ฮอร์โมนไข่)
  3. น้ำหมักชีวภาพจากหน่อกล้วย 1 ลิตร (จุลินทรีย์หน้อกล้วย)
วิธีการทำ
  1. นำนมหมัก 3 ลิตร เมลงถังที่มีฝาปิด
  2. เติมจุลินทรีย์หน่อกล้วย 1 ลิตร
  3. จากนั้นเติมฮอร์โมนไข่ 1 ลิตร คนให้เข้ากัน
  4. หมักทิ้งไว้ 14 วัน (ปิดฝาไม่ต้องสนิทและตั้งไว้ในที่ร่ม) หมั่นคนทุกวัน เมื่อครบ 14 วัน ก็สามารถนำไปใช้ได้
การนำไปใช้
  1. พืชทั่วไป ใช้อัตรา 10-20 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบทุก 10 วัน
  2. พืชตระกูลส้ม มะนาว ใช้อัตรา 50 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นหรือรถลงดิน ทุก 1 เดือน ช่วงกำลังเจริญเติบโต ก่อนออกดอกและช่วงติดผล
  3. ข้าว ช่วงเตรียมดินใช้อัตรา 5 ลิตร ผสมน้ำ 1,000 ลิตร ต่อไร่ ฉีดพ่นหรือรดลงดิน ระหว่างเตรียมดินหรือก่อนไถกลบตอซัง แล้วไถพรวนทิ้งไว้ 15 วัน ช่วงการ เจริญเติบโต ใช้อัตรา 5 ลิตรต่อไร่ เมื่อข้าวอายุ 30 50 และ 60 วัน โดยเท ลงนาข้าวพร้อมการไขน้ำเข้าแปลงนา
ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ศึกษาและพัฒนเขาหินซ้อน (http://www.khaohinsorn.com/)

น้ำหมักชีวภาพ สูตรกำจัดแมลงแบบเร่งด่วน (ใช้ได้ใน 10 นาที)



สูตรกำจัดแมลงแบบเร่งด่วน (ใช้ได้ใน 10 นาที)
เตรียมการ
  1. พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนแกง
  2. กาแฟผง 2 ช้อนแกง
  3. ขมิ้นผง 2 ซอง (หรือ 2 ช้อนแกง)
  4. ยาฉุน 2 ซอง
  5. สุราขาว 1 ขวดใหญ่
วิธีทำ
  1. ใส่ทุกอย่างลงไปคนๆๆๆๆๆ ประมาณ 10 นาที ก็กรองเอาแต่น้ำไปใช้
  2. อัตราส่วน 50 มล.ต่อน้ำ 20 ลิตร (ควรมีเครื่องป้องกันผิวและดวงตาขณะใช้งาน)
คุณสมบัติ
  1. สามารถกำจัดแมลงศัตรูพืชได้เกือบทุกชนิด และทำให้ไข่แมลงฝ่อ ลดการระบาดซ้ำ
  2. ข้อจำกัด - เก็บได้ไม่เกิน 7 วัน หากมีพื้นที่น้อยควรลดสัดส่วนลง ปล. กากที่เหลือห่อถุงผ้าแขวนไว้รอบๆแปลง จะช่วยป้องกันแมลงได้อีกทาง

น้ำหมักชีวภาพ สูตรควบคุมและกำจัดหญ้า


ฉีดพ่นวัชพืชแล้วไถกลบจะช่วยให้วัชพืชเกิดช้าลง ช่วยปรับปรุงบำรุงดินทำให้ดินร่วนซุย

วัสดุที่ต้องเตรียม
  1. ต้นกล้วยสับละเอียด 30 กิโลกรัม
  2. น้ำสะอาด 50 ลิตร
  3. กากน้ำตาล 4 กิโลกรัม (หรือน้ำตาลทรายแดง 2 กิโลกรัม)
  4. ยาคูลท์ 1 ขวด
  5. ลูกแป้งข้าวหมาก 1 ลูก
  6. ดินประสิว (โพแทสเซียมไนเตรต) 1 กิโลกรัม
  7. ด่างทับทิม (โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต) 1 ช้อนชา
  8. น้ำหมักชีวภาพจากหน่อกล้วย (จุลินทรีย์หน่อกล้วย) 1 ลิตร
วิธีการทำ
  1. นำต้นกล้วยมาสับให้ละเอียดเป็นชิ้นเล็กๆ
  2. ละลายน้ำตาลทรายแดงกับน้ำ 50 ลิตร
  3. เติมยาคูลท์หรือโยเกิร์ต ตามด้วยด่างทับทิม ลงในถังน้ำหมัก
  4. จากนั้นนำดินประสิวมาทุบ ให้ละเอียดแล้วเติมลงไป
  5. เติมลูกแป้งข้าวหมากที่บดละเอียด ลงในถังคลุกเคล้าให้เข้ากัน
  6. หมักทิ้งไว้ 7 วัน (ตั้งไว้ในที่ร่ม) แล้วจึงกรองน้ำนำไปใช้
การนำไปใช้
  1. ใช้น้ำหมักชีวภาพฯ 1 ลิตร ผสมน้ำ 50 ลิตร ฉีดพ่นเพื่อกำจัดหญ้า
  2. ใช้น้ำหมักชีวภาพฯ 1 ลิตรผสมน้ำ 100 ลิตร ฉีดพ่นเพื่อคุมหญ้า

*ควรฉีดพ่นในวันที่ไม่มีฝน

ดีปลี สมุนไพรกำจัดแมลง


ดีปลี

โรคหรือแมลงเป้าหมาย แมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ
วิธีการใช้ นำดีฟลีไปอบในอุณหภูมิ 50 องศา จำนวน 450 กรัมแล้วนำไป บดให้ละเอียด แช่ในแอลกอฮอร์ 1.5 ลิตร หมักทิ้งไว้ 1 คืน กรองเอาแต่น้ำไปฉีดพ่น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์อุไรวรรณ นิลเพ็ชร์ ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตรกำแพงแสน วิทยาเขตกำแพงแสน

คูน สมุนไพรกำจัดแมลง


คูน

โรคหรือแมลงเป้าหมาย หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม มอดแป้ง ด้วง
ลักษณะการควบคุม เนื้อฝักคูนจะมีสารประเภท Anthraquinones หลายตัว เช่น Aloin, Rhein Sennoside A, B และยังมี Organic acid สาร Anthraquinones มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทของแมลง
วิธีการใช้ นำฝักคูนมาบดให้ละเอียด แล้วผสมน้ำในอัตราส่วน 1 กิโลกรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร หมักทิ้งไว้ 3-4 วัน นำมากรองเอาแต่น้ำ ฉีดพ่นกำจัดแมลง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์อุไรวรรณ นิลเพ็ชร์ ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตรกำแพงแสน วิทยาเขตกำแพงแสน

ขิง สมุนไพรกำจัดแมลง


ขิง

โรคหรือแมลงเป้าหมาย แมลงวันทอง
วิธีการใช้ นำเหง้าขิงแก่มาทุบ หรือบดให้ละเอียด และนำไปแช่น้ำ 1 ลิตรค้างไว้ 1 คืน นำน้ำที่ได้จากการกรองเอากากออก ผสมน้ำสะอาดอีกครึ่งปี๊บ นำไปฉีดพ่นแปลงผักผักไม้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์อุไรวรรณ นิลเพ็ชร์ ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตรกำแพงแสน วิทยาเขตกำแพงแสน

ข่า สมุนไพรกำจัดแมลง



ข่า

โรคหรือแมลงเป้าหมาย แมลงวันทอง
ลักษณะการควบคุม น้ำคั้นจากเหง้า มีสารดึกดูด สารไล่แมลง สามารถไล่ แมลงวันทองไม่ให้วางไข่ ได้ 99.21% และทำให้โรคใบจุดสีน้ำตาลในนาข้าง หายไป
วิธีการใช้ นำเหง้าแก่สดหรือแห้ง มาบดเป็นผงละเอียด แล้วแช่น้ำพอท่วมค้างไว้ 1 คืน กรองด้วยผ้าขาวบางนำไปฉีดพ่น เพื่อกำจัดแมลงวันทอง ไม่ให้มาว่างไข่

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์อุไรวรรณ นิลเพ็ชร์ ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตรกำแพงแสน วิทยาเขตกำแพงแสน

ขมิ้นชัน สมุนไพรกำจัดแมลง


ขมิ้นชัน

โรคหรือแมลงเป้าหมาย หนอนกระทู้ผัก หนอนผีเสื้อ ด้วงงวงช้าง ด้วงเจาะเมล็ดถั่ว มอดไรแดง
ลักษณะการควบคุม เหง้ามีน้ำมันหอมระเหย ขับไล่และกำจัดแมลงได้หลายชนิด
วิธีการใช้
  1. ขมิ้นครึ่งกิโลกรัม ตำให้ละเอียด ผสมกับน้ำ 1 ปี๊ป หมักทิ้งไว้ 1-2 วัน กรองเอาแต่น้ำไปฉีดพ่นกำจัดแมลง
  2. ตำขมิ้นให้ละเอียด ผสมกับว่านน้ำ อัตราส่วน 1 ต่อ 2 กรองเอาแต่น้ำ ไปฉีดพ่นกำจัดแมลง ถ้าจะใช้กำจัดหนอนให้เติมน้ำผสมลงไป 6 เท่า
  3. บดขมิ้นให้เป็นผง ผสมเมล็ดถั่วในอัตราขมิ้น 1 กิโลกรัม ต่อเมล็ดถั่ว 50 กิโลกรัม เพื่อช่วยให้เก็บรักษาเมล็ดถั่ว ป้องกันไม่ให้แมลงมาทำงานเมล็ดถั่ว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์อุไรวรรณ นิลเพ็ชร์ ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตรกำแพงแสน วิทยาเขตกำแพงแสน

ขี้เหล็ก สมุนไพรกำจัดแมลง


ขี้เหล็ก

โรคหรือแมลงเป้าหมาย ด้วงถั่วเขียว ป้องกันและกำจัดแมลงในโรงเก็บ
ลักษณะการควบคุม สามารถป้องกันและกำจัดแมลง ในโรงเก็บได้จำพวกแมลงปีกแข็ง ด้วงต่างๆ
วิธีการใช้ นำใบอ่อน 1 ขีด บดให้ละเอียดแล้ว คลุกเมล็ดถั่วเขียวจำนวน 1 กิโลกรัม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์อุไรวรรณ นิลเพ็ชร์ ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตรกำแพงแสน วิทยาเขตกำแพงแสน

ดาวเรือง สมุนไพรกำจัดแมลง

ดาวเรือง

โรคหรือแมลงเป้าหมาย เพลี้ยกระโดด เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยหอย เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ แมลงหวี่ขาว
แมลงวันผลไม้ หนอนใยผัก หนอนผีเสื้อกะโหลก หนอนกะหล่ำปลี ด้วงปีกแข็ง
ไส้เดือนฝอย
ลักษณะการควบคุม โดยทั่วไปมักจะปลูกดาวเรืองแชมตามแปลงผัก เพราะดอกและใบมีกลิ่นฉุน
แมลงจึงไม่อยากเข้าใกล้
วิธีการใช้
  1. นำดอกมาคั้นเอาน้ำ 1 ส่วน นำมาผสมน้ำ 3 ส่วน สามารถกำจัดหนอนใยผักได้ดี
  2. นำดอกมาคั้นเอาน้ำ 1 ส่วน นำมาผสมน้ำ 1 ส่วน สามารถกำจัดเพลี้ยอ่อนได้ผลดี
  3. นำดอก 500 กรัม ต้มในน้ำ 4 ลิตร ทิ้งไว้ให้เย็น กรองเอาแต่น้ำ ไปผสมน้ำเปล่าอีก 4 ลิตร น้ำสบู่ 1 ช้อนโต๊ะ ฉีดพ่นวันละ 2 ครั้งติดต่อกัน 2 วัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์อุไรวรรณ นิลเพ็ชร์ ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตรกำแพงแสน วิทยาเขตกำแพงแสน

กระเทียม สมุนไพรกำจัดแมลง

กระเทียม

โรคหรือแมลง เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ หนอนกระทู้ผัก ด้วงปีกแข็ง โรคราน้ำค้าง โรคราสนิท
ลักษณะการควบคุม มีฤทธิ์เป็นยาฆ่าแมลง สารขับไล่แมลง สารหยุดยั้งการดูดกินอาหาร
สารฆ่าเชื้อราและแบคทีเรีย
วิธีการใช้
  1. ใช้กระเทียม 1 กำมือ โชลกให้ละเอียด เติมน้ำร้อนครึ่งลิตร แช่ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง แล้วกรองเอาแต่น้ำ ผสมน้ำ 4 ลิตร เติมสบู่ครึ่งช้อนโต๊ะฉีดพ่นวันละ 2 ครั้ง ติดต่อวัน 2 วัน ในตอนเช้า
  2. บดกระเทียม 2 หัวใหญ่และพริกแห้งป่น 2 ช้อนชา ให้ละเอียดแล้วน้ำไปใส่ น้ำร้อน 4 ลิตร เติมสบู่ลงไปเล็กน้อย คนแล้วกรองนำไปใช้สูตรนี้ใช้ได้ผลดี กับหนอนผีเสื้อไม้ผล
  3. ใช้กระเทียมแกะกลีบ 1 กำมือ ตากแดดให้แห้งเพื่อนำไปโขลกให้เป็นผง ใช้โรยบนพืชผักที่มีปัญหา โดยโรยตอนพืชผักไม่เปียก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์อุไรวรรณ นิลเพ็ชร์ ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตรกำแพงแสน วิทยาเขตกำแพงแสน

ตะไคร้หอม สมุนไพรกำจัดแมลง


ตะไคร้หอม

โรคหรือแมลงเป้าหมาย หนอนกระทู้ หนอนใยผัก ไล่ยุง แมลง แมลงสาบ
ลักษณะการควบคุม มีสาร Verbena oil, Lemon oil, Indian nelissa oil มีฤทธิ์ในการไล่แมลง
วิธีการใช้ นำตะไคร้ฟอมทั้งต้น มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ บดหรือตำให้ละเอียด
ประมาณ 400 กรัม นำมาผสมกับน้ำ 8 ลิตร หมักทิ้งไว้นาน 24 ชั่วโมง
นำมากรองเอาแต่น้ำ ฉีดพ่นสูตรสำหรับไล่แมลงและยุง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์อุไรวรรณ นิลเพ็ชร์ ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตรกำแพงแสน วิทยาเขตกำแพงแสน

Translate